สุดยอด 10 อันดับ เครื่องฟอกอากาศ
- Dyson Purifier Cool ™ Formaldehyde Air Purifier Fan TP09
- Blueair รุ่น HealthProtect™ 7710i
- Hitachi Made in Japan รุ่น EP-A9000
- SHARP Air Purifier รุ่น KI-J101B-W
- SAMSUNG รุ่น AX32BG3100GBST
- Electrolux รุ่น EP72-46DGA
- Coway Air purifier Noble AP-2021A
- Honeywell รุ่น Air Touch Premium
- Philips Air Purifier รุ่น AC1715/21
- Xiaomi Smart Air Purifier 4 Pro
10 อันดับ เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี
1. Dyson Purifier Cool ™ Formaldehyde Air Purifier Fan TP09

- ตรวจจับฟอร์มาลดีไฮด์ อนุภาคที่ลอยอยู่ในอากาศและก๊าซพิษ แล้วประมวลผลและรายงานแบบเรียลไทม์
- ระบบการกรองด้วยตัวกรอง HEPA และถ่านกัมมันต์ กำจัดก๊าซ และ 99.95% ของอนุภาคสารมลพิษ
- ตัวกรองเร่งปฏิกิริยา ทำลายฟอร์มาลดีไฮด์อย่างต่อเนื่อง และไม่จำเป็นต้องเปลียนใหม่
- เทคโนโลยี Air Multiplier™ สร้างพลังหมุนเวียน เพื่อกรองอากาศทั่วห้อง
- เครื่องกรองฯ ที่ปิดผนึกตามมาตรฐาน HEPA H13
- เงียบกว่าเดิมถึง 20% หมุนส่ายได้ถึง 350 องศา ระบบสั่งงานด้วยเสียง
- ควบคุมและติดตามคุณภาพอากาศจากที่ไหนก็ได้ ด้วยแอพฯ Dyson Link
2. Blueair รุ่น HealthProtect™ 7710i

- ครอบคลุมห้อง 149 ตร.ม ฟอกเร็วใน 30 นาที
- เครื่องฟอกอากาศที่สามารถช่วยป้องกันไวรัสและแบคทีเรียได้ตลอดชั่วโมง
- ประสิทธิภาพการฟอก ตามมาตรฐาน และดักจับอนุภาคได้ 99.97% ที่อนุภาคขนาด 0.1
- เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดของที่เติมอากาศบริสุทธิ์ได้มากขึ้น เสียงเงียบลง ใช้พลังงานน้อยลง
- สามารถดักจับได้อย่างรวดเร็ว และยังสามารถดักจับสารก่อภูมิแพ้
- เมื่อปิดเครื่องฟอกอากาศแล้ว แต่เซ็นเซอร์ยังคงทาการตรวจสอบห้องของคุณในเชิงรุก
- เปิดใช้งานป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อโรคในไส้กรองด้วยแรงลมต่าและประจุไฟฟ้าทุกวัน ตลอด 24 ชม.
- ช่องลมออก แบบ 360◦ รอบทิศทางของตัวเครื่อง ช่วยให้สามารถส่งอากาศบริสุทธิ์ไปทั่วทุกมุมห้อง
- ติดตามการใช้งานไส้กรองแบบเรียลไทม์ แจ้งอายุการใช้งานได้แม่นยา แสดงเป็น % คงเหลือ
- ช่วยกรองฝุ่นขนาดใหญ่ สามารถถอดล้างได้ง่าย และช่วยยืดอายุของไส้กรองได้
- ตัวเครื่องทาด้วยเหล็กกล้าเคลือบพิเศษ แข็งแรงทนทาน ใต้ฐานเครื่องมีช่องเก็บสายไฟ และล้อเลื่อนเคลื่อนย้ายได้สะดวก
- มีเซ็นเซอร์อัจฉริยะในตัว สามารถวัดค่า PM10, PM2.5, PM1, VOC, ความชื้นและอุณหภูมิห้อง
- หน้าจอบนเครื่อง แสดงแถบสี แบ่งระดับค่าฝุ่นได้ 5 สี จากน้อยไปมาก
- Blueair App สามารถแสดงเป็นกราฟและตัวเลข พร้อมข้อมูลย้อนหลังได้
3. Hitachi Made in Japan รุ่น EP-A9000

- เครื่องฟอกอากาศ 68 ตร.ม.
- บานพับสเตนเลส ยับยั้งแบคทีเรีย
- ช่องตาข่ายสเตนเลส ยับยั้งแบคทีเรีย
- แผ่นกรองชั้นแรก เคลือบสารสเตนเลส ยับยั้งแบคทีเรียง่ายต่อการดูแลรักษา
- แผ่นกรองขจัดกลิ่น สามารถถอดล้างน้ำได้
- แผ่นกรองเฮป้าดักจับฝุ่น
- พัดลมเคลือบสารไอออน สามารถกำจัดแบคทีเรียได้
4. SHARP Air Purifier รุ่น KI-J101B-W

- เครื่องฟอกอากาศพลาสมาคลัสเตอร์แบบเข้มข้น
- ขนาดห้องที่เหมาะสมสำหรับการทำงาน 38 m²
- ปล่อยประจุพลาสมาคลัสเตอร์แบบข้มข้นได้มากถึง 50,000 ไอออน ต่อ ลูกบาศก์เซนติเมตร
- ความเข้มข้นพลาสม่าคลัสเตอร์มาก ทำให้การกรองมีประสิทธิภาพที่มากขึ้น
- ประจุพลาสม่าคลัสเตอร์สามารถสลายเชื้อรา เชื้อไวรัส สารก่อภูมิแพ้ กลิ่นไม่พึงประสงค์ ลดไฟฟ้าสถิต
- Plasmacluster Spot Mode เพิ่มความเข้มข้นขึ้นเป็น 2 เท่า
- สะดวกในการเคลื่อนย้ายด้วยล้อเลื่อนแบบ 360° พร้อมระบบล็อคป้องกันการลื่นไหล
- SHARP AIR APP ให้คุณสามารถควบคุมการทำงานของเครื่องฟอกอากาศได้อย่างง่ายดาย
- ระบบการทำงานอัจฉริยะผ่านคลาวด์ เพื่อการทำงานที่มีประสิธิภาพสูงสุด
- SHARP COCORO AIR ให้คุณตรวจสอบคุณภาพอากาศภายในบ้านได้แบบ real time
- ระบบทำความสะอาดแผ่นกรองอัตโนมัติ
- แผ่นกรอง 3 ชั้น ที่สามารถดักจับฝุ่นละออง และกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- แผ่นกรอง HEPA ดักจับฝุ่นละอองต่างๆ ที่มีขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอน ได้ถึง 99.97% และแผ่นกรองกลิ่นต่างๆ รวมถึงกลิ่นบุหรี่
5. SAMSUNG รุ่น AX32BG3100GBST

- Room Coverage (㎡) : 41 ตร.ม.
- ขจัดฝุ่นอนุภาคเล็ก PM0.3 ได้มากถึง 99.9% ไส้กรองดักจับฝุ่นต้านแบคทีเรีย
- สั่งงานผ่าน Wi-Fi ด้วย Application Smart thing
- ขจัดฝุ่นอนุภาคเล็ก PM0.3 ได้มากถึง 99.9% ด้วยนวัตกรรมฟอกอากาศบริสุทธิ์หลายขั้นตอน
- ตัวแสดงผล 4 สี Air Sensing Light
6. Electrolux รุ่น EP72-46DGA

- เครื่องฟอกอากาศ พร้อมระบบควบคุมความชื้นและทิศทางลม
- เครื่องฟอกอากาศสำหรับห้องขนาด 45 ตรม.
- CADR 350 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง
- 3 in 1 Air purifier with humidification and fan
- ใช้งานผ่านระบบสัมผัส แสดงผลแบบ LED และ AQI Index
- ควบคุมและมอนิเตอร์คุณภาพอากาศผ่าน Mobile Apps
- สะดวกกับการปรับ Smart Mode และ Manual
- เซ็นเซอร์ตรวจจับฝุ่นละออง PM1, 2.5 และ 10 กรองละเอียด 0.3 ไมครอน
- ประสิทธิภาพการกรอง 5 ขั้นตอน (Pre, Anti-bacterial HEPA, HEPA13, Activated Carbon & Ioniser)
- ควบคุมความชื้นได้ 3 ระดับ ( 40%, 50% & 60%)
- ถังบรรจุน้ำ 3.6 ลิตร
- ปรับความแรงพัดลมได้ 5 ระดับ 3 ทิศทาง
7. Coway Air purifier Noble AP-2021A

- ฟอกอากาศจากสิ่งสกปรกได้ถึง 0.01 ไมครอน
- ต้านเชื้อแบคทีเรีย
- โหมดสำหรับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง เพื่อขจัดขนจากสัตว์เลี้ยงหรือฝุ่ นละอองที่มาจากสัตว์เลี้ยง
- ไส้กรองที่สามารถขจัดกลิ่นฉุนจากอุจาระ(ไฮโดรเจนซัลไฟด์)
- ปุ่มการใช้งานเป็นรูปแบบหน้าจอทัชสกรีน
- เรียบหรู พร้อมฟังก์ชั่นมากมายในการใช้งาน และ สามารถแสดงค่าก๊าซได้
8. Honeywell รุ่น Air Touch Premium

- ระบบการกรองอากาศหลายชั้นที่ได้รับสิทธิบัตรเฉพาะ
- แผ่นกรองขั้นต้น (Pre-Filter) ช่วยกำจัดฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน (PM10)
- แผ่นกรองประสิทธิภาพสูง (HEPA) ช่วยกำจัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก 2.5 ไมครอน (PM2.5) ถึงเล็กกว่า PM0.1
- แผ่นกรองเทคโนโลยี HiSiv แผ่นกรองที่ได้รับรองสิทธิบัตรในสหรัฐอเมริกา เป็นเทคโนโลยีฟอกอากาศที่ใช้ในยานอวกาศ
- ช่วยขจัดกลิ่น สามารถกรองสารเคมี ฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) ที่มาของอาการระคายเคือง
- สามารถกรองกลิ่นได้ดีกว่าแผ่นคาร์บอนปกติ
- มีลมหมุนเวียนได้ถึง 3 มิติ จึงไม่เกิดมุมอับในการดูดอากาศ
- เซ็นเซอร์วัดคุณภาพอากาศประสิทธิภาพสูง
- หน้าจอแสดงสัญลักษณ์สภาพอาดาศเป็นสถานะสีวงไฟ
- โหมดควบคุมความแรงของอากาศ ปรับระดับ 14 ระดับ
- ระบบการทำงานอัตโนมัติ เครื่องจะทำงานตามปริมาณฝุ่นละอองที่มีในอากาศสะดวกในการใช้งาน
- โหมดกลางคืน ไม่ต้องกังวลเรื่องเสียง หรือแสงไฟจากตัวเครื่องจะรบกวนการนอน
9. Philips Air Purifier รุ่น AC1715/21

- ฟอกอากาศในห้องได้สูงสุด 78 ตร.ม.
- อัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ 300 ลบ.ม./ชม. (CADR)
- แผ่นกรอง HEPA และผงถ่านกัมมันต์
- เชื่อมต่อกับแอป CleanHome+
- เซนเซอร์ระดับมืออาชีพสําหรับการฟอกอากาศอัจฉริยะ
- ผ่านการทดสอบและรับรองคุณภาพที่คุณวางใจได้
- ขจัดไวรัสและฝุ่นละอองตามอากาศได้สูงสุดได้สูงถึง 99.9%
- กรองอนุภาคขนาดเล็ก 0.003 ไมครอนได้ถึง 99.97%
- เสียงในระหว่างทำงานเบาเพียง 35-61 dB(A)
10. Xiaomi Smart Air Purifier 4 Pro

- ลมหายใจสะอาด ลมหายใจมีสุขภาพที่ดี
- จอแสดงผล OLED ใช้งานง่าย
- การกรองขนและละอองเกสรดอกไม้
- พื้นที่ครอบคลุมที่มีประสิทธิภาพ 35-60 ตร.ม.
- ฟอกอากาศ 15 นาทีสำหรับห้องนั่งเล่นขนาดประมาณ 40 ตร.ม.
- พื้นที่ครอบคลุมที่มีประสิทธิภาพขนาดใหญ่ 60 m²
- ตัวกรองสามในหนึ่งเดียว
- กำจัดกลิ่น
- เซ็นเซอร์เอฟเฟกต์คู่ PM2.5/PM10
- ไอออนไนซ์ในอากาศเชิงลบ
- การควบคุมอัจฉริยะ
- เสียงรบกวนต่ำ 33.7 dB(A)
- การแจ้งเตือนการเปลี่ยนแผ่นกรอง
ยี่ห้อแบรนด์ดัง เครื่องฟอกอากาศ ยอดนิยมในไทย










การเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศ Air Purifier นั้นมีความสำคัญ เนื่องจากเครื่องฟอกอากาศจะช่วยกรองอากาศภายในบ้านให้สะอาดบริสุทธิ์และปลอดภัยต่อสุขภาพ โดยในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศนั้น ควรพิจารณาจากปัจจัยสำคัญดังต่อไปนี้
ขนาดพื้นที่ห้องที่ต้องการใช้งาน
เครื่องฟอกอากาศแต่ละรุ่นจะมีอัตราการเปลี่ยนถ่ายอากาศต่อชั่วโมง (CADR) ที่แตกต่างกัน โดยค่า CADR นี้จะบอกถึงปริมาณอากาศที่เครื่องฟอกอากาศสามารถกรองได้ภายใน 1 ชั่วโมง ซึ่งยิ่งค่า CADR สูง แสดงว่าเครื่องฟอกอากาศสามารถกรองอากาศได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้นจึงควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีค่า CADR เหมาะสมกับขนาดพื้นที่ห้องที่ต้องการใช้งาน โดยสามารถคำนวณขนาดพื้นที่ห้องที่ต้องการใช้งานได้ตามสูตรดังนี้
ขนาดพื้นที่ห้อง (ตารางเมตร) = ความยาวห้อง (เมตร) x ความกว้างห้อง (เมตร)
ความต้องการด้านสุขภาพและสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย
หากมีสมาชิกในครอบครัวที่เป็นโรคภูมิแพ้หรือโรคทางเดินหายใจ ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรอง HEPA ซึ่งสามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ถึง 0.3 ไมครอน รวมถึงควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรองคาร์บอน เพื่อขจัดสารเคมีและกลิ่นไม่พึงประสงค์ในอากาศ นอกจากนี้ หากอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีมลพิษทางอากาศสูง ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรองที่สามารถดักจับฝุ่น PM2.5 ได้
ค่า CADR
ค่า CADR เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ โดยค่า CADR นี้จะบอกถึงปริมาณอากาศที่เครื่องฟอกอากาศสามารถกรองได้ภายใน 1 ชั่วโมง ซึ่งยิ่งค่า CADR สูง แสดงว่าเครื่องฟอกอากาศสามารถกรองอากาศได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยค่า CADR ที่นิยมใช้กันทั่วไปมีดังนี้
- ค่า CADR สำหรับฝุ่นละออง (Dust) : แสดงถึงความสามารถในการกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก 0.3 ไมครอน
- ค่า CADR สำหรับเกสรดอกไม้ (Pollen) : แสดงถึงความสามารถในการกรองละอองเกสรดอกไม้
- ค่า CADR สำหรับควันบุหรี่ (Smoke) : แสดงถึงความสามารถในการกรองควันบุหรี่
ระดับเสียง
เครื่องฟอกอากาศบางรุ่นอาจทำงานได้เสียงดัง ซึ่งอาจรบกวนการพักผ่อน ดังนั้นจึงควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีระดับเสียงเบา โดยระดับเสียงที่เหมาะสมควรอยู่ที่ประมาณ 50 เดซิเบล ซึ่งจะไม่รบกวนการพักผ่อน
ฟังก์ชันการใช้งาน
เครื่องฟอกอากาศบางรุ่นอาจมีฟังก์ชันการใช้งานเพิ่มเติม เช่น การตั้งเวลาการทำงาน การตรวจวัดคุณภาพอากาศ เป็นต้น ซึ่งควรพิจารณาเลือกฟังก์ชันการใช้งานที่ตรงกับความต้องการใช้งาน
ราคา
ราคาของเครื่องฟอกอากาศนั้นแตกต่างกันไปตามคุณสมบัติและยี่ห้อ โดยเครื่องฟอกอากาศที่มีราคาสูงมักจะมีประสิทธิภาพในการกรองอากาศได้ดีกว่า
การรับประกัน
ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีระยะเวลาการรับประกันที่ยาวนาน เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการใช้งาน
คำแนะนำเพิ่มเติม
- ควรเปลี่ยนแผ่นกรองเครื่องฟอกอากาศตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้เครื่องฟอกอากาศทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ควรทำความสะอาดเครื่องฟอกอากาศเป็นประจำ เพื่อขจัดฝุ่นละอองและสิ่งสกปรก
นอกจากปัจจัยข้างต้นแล้ว การเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศนั้น ควรพิจารณาจากแบรนด์และชื่อเสียงของผู้ผลิตด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้เครื่องฟอกอากาศที่มีคุณภาพดีและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หวังว่าคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้คุณเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศได้อย่างคุ้มค่าและปลอดภัย